วันศุกร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ความเข้าใจภาวะประชากรไทย

เมื่อเช้าดูรายการเล่าข่าวแนวบันเทิง พิธีกรได้นำเสนอข่าวประเทศสิงคโปร์ที่มีปัญหาเรื่องประชากรมีลูกน้อยลง เนื่องจากคนหนุ่มสาวที่อยู่ในวัยเจริญพันธุ์เป็นโสดมากขึ้น ส่วนคนที่แต่งงานแล้วก็ไม่นิยมมีลูก รัฐบาลจึงต้องจัดกิจกรรมส่งเสริมการหาคู่ให้กับคนหนุ่มสาว ด้วยการส่งเสริมให้คู่หนุ่มสาวออกเดท ก็เป็นเรื่องที่แปลกดีสำหรับการดำเนินนโยบายเชิงรุกที่รัฐบาลจัดขึ้น มาตกใจที่พิธีกรกล่าวว่า "สำหรับประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศกำลังพัฒนานั้น ไม่ได้มีปัญหาเรื่องคนไม่ค่อยมีลูกเช่นเดียวกับประเทศที่เจริญแล้ว แต่สำคัญที่ว่าต้องวางแผนการคุมกำเนิดกันให้ดีมากกว่า" ข้อมูลนี้ขัดแย้งกับสถานการณ์จริงในประเทศไทยเรา


ดิฉันคิดว่าเป็นเรื่องสำคัญมากที่คนในประเทศควรจะได้รับทราบข้อมูลที่ตรงกันว่า ปัจจุบันประเทศไทยเข้าสู่การเป็นสังคมผู้สูงอายุแล้ว (จำนวนประชากรผู้สูงอายุของไทยคิดเป็น 11.36% ของประชากรทั้งประเทศ อ้างอิงจาก http://www.cps.chula.ac.th/pop_info/thai/nop7/nop5/N5-WHOLE.HTM) และปัจจุบันหนุ่มสาวของไทยให้ความสำคัญกับการแต่งงานและการมีบุตรน้อยลง หากจะวัดด้วยอัตราเจริญพันธุ์รวมก็พบว่า ปัจจุบันไทยมีอัตราเจริญพันธุ์รวมอยู่ที่ 1.6 ส่วนสิงคโปร์มีอัตราเจริญพันธุ์รวมเท่ากับ 1.7 ซึ่งนับว่าต่ำพอๆกัน  (อ้่างอิงจาก http://www.popterms.mahidol.ac.th/newsletter/showarticle.php?articleid=7)

สรุปได้ว่าในปัจจุบันคนไทยมีลูกน้อยลงแล้ว และน่าเป็นห่วงว่าจะน้อยลงไปเรื่อยๆ ปัญหาหลายอย่างก็จะเกิดตามมาจากภาวการณ์ดังกล่าว ดิฉันจะเล่าให้ฟังอีกในวันหลังนะคะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น